มันถึงเวลาออกแบบรูปแบบทางเศรษฐศาสตร์ใหม่
โดย ศาสตราจารย์ มูฮัมมัด ยูนุส
โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า วันแล้ววันเล่าความล้มเหลวทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจและสังคมของเรา รวมไปถึงสิ่งที่อยู่ในกระบวนการคิดของเรากำลังถูกเปิดเผย เราตระหนักถึงความล้มเหลวเหล่านี้มาโดยตลอด แต่เรากลับเพิกเฉยและปล่อยให้มันเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน เรารู้เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนที่กำลังเลวร้ายลง เช่นเดียวกับการกระจุกตัวของความมั่งคั่งและมันก็แย่ลงเรื่อย ๆ เราต่างรู้ถึงปัญหาความยากจน การดูแลสุขภาพ การตัดไม้ทำลายป่า มลพิษจากพลาสติก ความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย เรารู้วิธีแก้ปัญหา แต่เราไม่ได้ระดมความสามารถของเราเพื่อยุติปัญหาเหล่านี้
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? อาจอธิบายได้ว่า เรา ‘เสพติด’ กับระบบปัจจุบันของเรามากจนเราไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงมัน
ไม่ย้อนกลับ – No Going Back
การแพร่ระบาดของโควิด -19 ทำให้การหมุนเวียนของศรษฐกิจหยุดชะงัก ทุกประเทศต่างเตรียมความพร้อมที่จะทำให้กลไกทางเศรษฐกิจทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง และนำเศรษฐกิจกลับไปสู่ระดับเดิมก่อนเกิดการระบาดครั้งยิ่งใหญ่นี้
คำถามคือ ทำไมเราถึงต้องการนำเศรษฐกิจกลับไปสู่จุดที่เราทิ้งไว้ ย้อนหลังไปเป็นปี? เรารู้ว่าการเดินทางทางเศรษฐกิจก่อนการระบาดของเรากำลังพาเราไปสู่เส้นชัยของการดำรงอยู่บนโลกใบนี้ มันทำให้มนุษย์ เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุด ผมกลับรู้สึกว่า การตัดสินใจของเราควรจะเป็นเรื่องตรงกันข้าม การตัดสินใจที่แน่วแน่ของเราควรเป็น คือ “การไม่ย้อนกลับไป (No going Back)” มันคงน่าประหลาดหากเราจะอยากกลับไปสู่เส้นทางของการฆ่าตัวตาย
เราโชคดี ที่การระบาดครั้งนี้เปิดโอกาสในระบบเศรษฐกิจ เราควรจะต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะมันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก และเราต้องไม่พลาดโอกาสในการเปลี่นแปลงนี้
การย้อนกลับไป จะหมายถึง การทำงานกับระบบเดิม โครงสร้างพื้นฐานเดิม แนวคิดเดิม เป้าหมายเดิม ที่ส่งผลให้โลกร้อนเพิ่มขึ้น เกิดการกระจุกตัวของความมั่งคั่งมากขึ้น และในไม่ช้าก็ทำให้โลกนี้ไม่สามารถอยู่ได้สำหรับมนุษย์
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องออกแบบใหม่ ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในกระบวนการออกแบบใหม่คือ การสร้างตัวเลือก ระบบปัจจุบันของเราไม่มีตัวเลือกใดๆ ความดื้อรั้นและความเข้มแข็งของมันทำให้ความสามารถในการแก้ไขหมดไป หากเราแทนที่ด้วยระบบที่จะให้ทางเลือกแก่ทุกคนในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจขั้นพื้นฐาน กลไกการแก้ไขจะเข้ามามีบทบาทและควบคุมระบบไปในทิศทางที่ถูกต้อง เป็นการยากที่จะปรับทิศทางให้คนรุ่นเก่าคุ้นเคยกับการมีทางเลือกและการตัดสินใจของตนเอง เนื่องจากไม่เคยรู้จักตัวเลือกเหล่านี้มาก่อน คนรุ่นใหม่อาจจะต้องเรียนรู้และทำความรู้จักกับทางเลือกเหล่านี้ไปพร้อมกับการเติบโต จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมีการแนะนำทางเลือกต่างๆในชีวิต ตั้งแต่เริ่มแรกในระบบการศึกษา นักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับทางเลือกที่พวกเขาต้องทำและค่อยๆ ตัดสินใจ ว่าควรเลือกตัวเลือกใดและจะนำพาชีวิตผ่านทางเลือกนั้นได้อย่างไร พวกเขาจะได้เรียนรู้ผลกระทบต่อตนเองและสังคมของแต่ละทางเลือกที่เกิดขึ้น จากการตัดสินใจแต่ละครั้ง ทางเลือกเหล่านี้ จะค่อยๆ กำหนดอนาคตของโลกที่พวกเขาจะอยู่ และโลกที่พวกเขาจะมอบให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต
ระบบการศึกษาควรเป็นศูนย์กลาง
ระบบการศึกษาต้องมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเปลี่ยนแปลง การศึกษาทุกระดับควรแจ้งให้นักเรียนทราบอย่างชัดเจนว่า ไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่ากับเศรษฐกิจและสังคมของเรา เศรษฐศาสตร์เป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นจากกฎเกณฑ์เพื่อเชื่อมโยงแนวคิดของเรา เพื่อบรรลุเป้าหมายส่วนบุคคลและสังคมที่เราตั้งไว้ เราสามารถออกแบบเศรษฐกิจให้เหมาะสมกับเป้าหมายที่เราตั้งไว้ในอนาคต เป้าหมายต้องมาก่อน แต่หากเราไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการ เราก็ไม่ควรส่งตัวเองไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้อง เราควรไล่ “วิศวกร” ที่ออกแบบระบบนั้น และสร้างซอฟต์แวร์ใหม่เพื่อให้งานสำเร็จ เศรษฐกิจไม่ใช่สิ่งที่ธรรมชาติกำหนด แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในวัตถุประสงค์ของเรา ส่วนที่เหลือคือการหาคนที่เหมาะสมมากำหนดกฎเกณฑ์ กติกา และกรอบกฎหมาย
หากเราต้องการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของเรา เราก็ต้องเปลี่ยนกฎทางเศรษฐศาสตร์โดยการสร้างกฎ กติกา และกฎหมายที่เหมาะสม หากเราตัดสินใจที่จะทำให้แน่ใจว่าทุกคนจะต้องมีบริการทางการเงินอย่างยั่งยืน เราก็ต้องละทิ้งระบบธนาคารที่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ และสร้างระบบการเงินธนาคารอื่นขึ้นมา สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการตัดสินใจว่าเราต้องการอะไร ปัจจุบัน ระบบการศึกษาของเราไม่ได้แสดงเกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว เป็นเพียงแค่การบอกกล่าวว่ามีอะไรอยู่ ทำให้รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตเรามากนัก
ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการออกแบบระบบเศรษฐกิจใหม่ คือ การให้ทางเลือกที่หลากหลาย ระบบปัจจุบันไม่มีตัวเลือกมากมาย
ระบบเศรษฐกิจปัจจุบันเป็นระบบที่มีความต้องการของงานเป็นศูนย์กลาง โดยไม่มีตัวเลือกอื่น เราสามารถสร้างระบบที่ดีขึ้น ที่สร้างทางเลือกในการตัดสินใจขั้นพื้นฐานแก่ทุกคน การตัดสินใจเหล่านั้นจะเป็นทิศทางของเศรษฐกิจโลก ตัวเลือกนี้สามารถแนะนำได้ผ่านระบบการศึกษา ซึ่งนับเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชน และวิธีการเลือกจากตัวเลือกที่มีอยู่ วิธีการเหล่านี้จะถูกแทนที่ระบบการศึกษาที่เน้นงานเป็นศูนย์กลางและไม่มีทางเลือกอื่น
เริ่มต้นด้วยระบบการศึกษา มันควรจะเริ่มตั้งแต่การตั้งจุดมุ่งหมายของชีวิตเป็นประเด็นหลักของการศึกษา ในทุกๆปี ศ. ยูนุส พยายามดึงดูดความสนใจของนักออกแบบโปรแกรมการศึกษาในทุกระดับชั้น เพื่อทำแบบฝึกหัดง่ายๆหนึ่งครั้ง เด็กและเยาวชนของแต่ละชั้นเรียนจะใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ในการปรึกษาหารือกันอย่างเข้มข้น เกิดการถกเถียง เพื่อให้ได้โครงร่างกว้าง ๆ เกี่ยวกับคุณลักษณะของโลกที่พวกเขาต้องการสร้าง ประเด็นหลักของการตัดสินใจเหล่านี้ควรได้รับการบันทึกไว้ เพื่อให้เป็นจุดเริ่มต้นของการอภิปรายในปีถัดไป คณาจารย์ในแต่ละปี อาจนำประเด็นใหม่มาประกอบการพิจารณาของการเรียนการสอนในแต่ละชั้นเรียน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ตราบใดที่นักเรียนยังคงอยู่ในระบบการศึกษา พวกเขาจะยังคงต้องมีส่วนร่วมในการถกเถียงประเด็นเหล่านี้
สถาบันการศึกษาจะต้องชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ชีวิตจะมีค่าเมื่อพบจุดมุ่งหมาย – จุดประสงค์นำไปสู่การกระทำ – การค้นหาเป้าหมายควรเป็นหัวใจหลักของระบบการศึกษา เมื่อถึงเวลาที่นักเรียนจบการศึกษา พวกเขาควรเตรียมตัวให้พร้อมด้วยจุดมุ่งหมายที่แน่นอน หรืออย่างน้อยก็ จำกัด ทางเลือกที่น่าสนใจของตัวเองให้แคบลง
คนหนุ่มสาวควรได้รับการบอกกล่าวว่าพวกเขามีพลังที่จะสร้างโลกที่พวกเขาต้องการ พวกเขาควรได้รับแจ้งว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้โดยสารบนยานอวกาศไม่ว่าจะเป็น ที่นั่งในชั้นหนึ่งชั้นธุรกิจและชั้นประหยัด แต่พวกเขาเป็นนักบินในห้องนักบิน พวกเขาสามารถพาโลกนี้ไปในทิศทางใดก็ได้ที่ต้องการ การออกแบบจุดหมายปลายทางนั้นเชื่อมโยงกับการกำหนดจุดมุ่งหมายของชีวิต ต้องหาจุดหมายปลายทางที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน ไม่เช่นนั้นโลกจะล่องลอยไปสู่หายนะ
ในทางการศึกษา ควรมีการสื่อสารกับนักเรียนว่า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ หากมีคนคอยชี้แนะพวกเขาไปสู่การตัดสินใจที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
ระบบการศึกษา ต้องได้รับการออกแบบใหม่เพื่อเปลี่ยนแนวทางการผลิตคนหนุ่มสาวที่ “พร้อมมีงานทำ” ไปสู่คนหนุ่มสาวที่ “พร้อมใช้ชีวิต” ทุกคนควรได้รับการบอกกล่าวว่า มนุษย์ทุกคนเกิดมาเป็นผู้ประกอบการที่เต็มไปด้วยความสามารถในการสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด หากชีวิตเป็นการเดินทาง เป็นกระบวนการในการค้นหาศักยภาพที่มีในตัวเองอยู่ตลอดเวลา การทำงานจะหยุดกระบวนการนั้น เป็นเพียงการทำเพื่อตอบสนองความปรารถนาของคนอื่น เป็นการสร้างเครื่องมือขึ้นมาตามข้อกำหนดของผู้อื่น เปรียบเหมือนกับการบีบยักษ์ให้เข้ามาในช่องเล็กๆ ทำให้มีพื้นที่ในการค้นพบตัวเองน้อยมาก เพื่อให้คุณใช้เวลาทั้งชีวิต ทำตามข้อกำหนดของคนอื่นที่มีอำนาจเหนือคุณ
อาชีพการงาน หรือ การเป็นผู้ประกอบการ
ระบบการศึกษาจำเป็นต้องนำเสนอทางเลือก เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้ก้าวเข้าสู่ชีวิตจริง นักเรียนสามารถเลือกได้หนึ่งในสองทางเลือก – เส้นทางการงานอาชีพ สำหรับกลุ่มนักเรียนที่ตัดสินใจที่จะเป็นลูกจ้าง รับจ้างทำงานเหมือนคนอื่นทั่วๆ ไป หรือ เส้นทางการเป็นผู้ประกอบการเพื่อเตรียมพร้อมความเป็นผู้ประกอบการให้กับนักเรียน มันอาจจจะมีเส้นทางที่สามให้เลือกสรรภายหลัง ซึ่งจะเป็นเส้นทางเพื่อสำรวจตัวเลือกทั้งสองนี้
เศรษฐศาสตร์ใหม่จะถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดใหม่ ๆ ซึ่งเป็นการนำเสนอทางเลือก ที่จะนำไปสู่การสร้างสถาบันใหม่และการออกแบบกฎหมายใหม่ คุณลักษณะที่สำคัญที่สุดของเศรษฐศาสตร์แบบใหม่นี้คือ การเสนอทางเลือกที่ไม่มีมาก่อน ตัวอย่างเช่น เศรษฐศาสตร์ใหม่จะเริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์ใหม่ของมนุษย์ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากภาพลักษณ์เดิมที่ได้รับจากเศรษฐศาสตร์แบบเก่า เศรษฐศาสตร์แบบเก่ากำหนดให้มนุษย์เป็นคนที่ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ส่วนตน นั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการมาซึ่งข้อสรุปที่นำไปสู่หายนะมากมาย มันเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นหุ่นยนต์หาเงิน โดยพรากตัวเลือกไปจากผู้คน และเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นหุ่นยนต์ทางเศรษฐกิจที่สร้างผลกำไรสูงสุด
แทนที่จะบอกนักเรียนว่า มนุษย์จะขับเคลื่อนเพื่อเพียงผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น ระบบการศึกษาใหม่จะต้องสามารถบอกได้ว่า มนุษย์ถูกขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ 2 อย่าง คือ ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม การเพิ่มแนวคิดเกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนรวม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์และความสัมพันธ์ของเรากับโลกอย่างกว้างขวาง

ด้วยแนวคิดใหม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของมนษย์ จึงจำเป็นต้องมีสองแนวคิดของธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของมนุษย์แต่ละคน ในโลกของมนุษย์ที่ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องมีทางเลือก บทบาทของพวกเขาได้รับการแก้ไข สิ่งที่พวกเขามุ่งหวังคือ การเพิ่มผลกำไรส่วนตัวให้สูงสุด
ระบบการศึกษาใหม่ที่สอดคล้องกับแนวความคิดทางเศรษฐกิจแบบใหม่ จะเสนอทางเลือกในการทำธุรกิจ นักเรียนจะได้รับทราบว่ามีทางเลือกในการทำธุรกิจอยู่ 2 ทาง ได้แก่ การเพิ่มผลกำไรส่วนตัวให้กับธุรกิจ และการแก้ปัญหาโดยรวมของธุรกิจ การใช้ผลประโยชน์ร่วมกันต้องการธุรกิจที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง – ธุรกิจที่อุทิศตนเพื่อแก้ปัญหาส่วนรวม โดยไม่ได้ตั้งใจที่จะทำกำไร เราเรียกว่า ธุรกิจเพื่อสังคม ผู้ประกอบการมีอิสระที่จะเลือกและเต็มใจที่จะลงทุนในธุรกิจแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็น การแสวงหาผลกำไรส่วนตัว หรือ การแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันในการทำธุรกิจ
มันมีความขัดแย้งอย่างชัดเจนระหว่างผลประโยชน์ส่วนรวมและผลประโยชน์ส่วนตัว ระบบการศึกษาต้องสอนให้นักเรียนรู้จักชั่งน้ำหนักของผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกันนี้และตัดสินใจอย่างเหมาะสม เพื่อตอบสนองความสุขให้สูงสุด ตัวเลือกเหล่านี้ เป็นตัวเลือกเฉพาะในแต่ละธุรกิจ แต่ไม่ใช่สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการสามารถเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างก็ได้ หากวัตถุประสงค์ของธุรกิจแตกต่างกัน ผู้ประกอบการก็จะต้องดำเนินธุรกิจทั้งสองแยกจากกัน
โลกแห่งสามศูนย์
ความรับผิดชอบที่เหนือกว่าของระบบการศึกษาใหม่ คือ การเปลุกฝังนักเรียนให้สร้างโลกใหม่ที่ปราศจากปัญหาในภาวะฉุกเฉิน เช่น ภาวะโลกร้อน การกระจุกตัวของความมั่งคั่ง และการว่างงานจำนวนมาก พวกเขาควรได้รับแรงบันดาลใจให้รับความท้าทายในการสร้างโลกที่ปราศจากปัญหาเหล่านี้ โลกแห่งสามศูนย์ – การปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ การกระจุกตัวของความมั่งคั่งเป็นศูนย์ และการว่างงานเป็นศูนย์
ภาวะโลกร้อนนั้นเลวร้ายลงทุกวัน มันเป็นภัยคุกคามที่มีอยู่จริงของโลก ยิ่งเรารู้มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งน่าตกใจมากเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในชีวิตประจำวัน เราไม่เคยแสดงอาการตกใจ หรือรู้สึกว่าถูกคุกคาม เราได้แต่คิดกับตัวเองว่า “ฉันไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ รัฐบาลไม่เคยขอให้ฉันทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อดูแลเรื่องนี้ ถ้ามันเลวร้ายมากพวกเขาคงจะเตือนเราแล้ว งานคือการดำเนินชีวิตของฉัน”
ตอนนี้ เรามีสถานการณ์ที่เราต่างรู้ดีว่าบ้านเมืองกำลังประสบปัญหา แต่เรากลับไม่แสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรายังคงอยู่ในโหมดไม่ยอมรับ เรายุ่งอยู่กับงานปาร์ตี้ไม่หยุดหย่อนในขณะที่บ้านของเรากำลังแผดเผา เราตั้งใจแน่วแน่ที่จะเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่า ปาร์ตี้ของเรากำลังกระตุ้นไฟอย่างต่อเนื่อง เรารู้ดีว่าปาร์ตี้ของเรากำลังกระชับวงจรการทำลายตัวเองรอบตัวเรา เพื่อดำเนินการปาร์ตี้ต่อไปเรามักจะหาข้อแก้ตัวได้สาระพัด ตั้งแต่การตำหนิไปจนถึงการปฏิเสธทั้งหมด
เรารู้ดีว่าใครเป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อนนี้ เราเองที่เป็นต้นเหตุ เรากำลังสร้างเหตุผ่านทางธุรกิจ ผ่านการตัดสินใจในฐานะผู้บริโภค หรือแม้แต่ผ่านนโยบายของรัฐบาล
เราทุกคนในฐานะปัจเจกบุคคล มีหน้าที่ดับไฟ ไม่ว่ารัฐบาลจะร้องขอหรือไม่ เรามีเวลาเพียงเล็กน้อยในการหยุดยั้งไฟเหล่านี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นเถ้าถ่าน จุดที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ก็ใกล้เข้ามาทุกที
ความมั่งคั่งกำลังขยายตัวและห่างออกไปจากผู้คน
ภาวะโลกร้อนที่ทวีคูณควบคู่ไปกับความมั่งคั่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ มันได้เปลี่ยนกลไกทางเศรษฐกิจไปสู่ระเบิดเวลาที่สามารถทำลายเราได้ทุกเมื่อ กลไกทางเศรษฐกิจ 99% สามารถส่งมอบความมั่งคั่งทั่วโลกให้กับผู้โชคดี 1% ของประชากรทั่วโลก และส่วนแบ่งนี้ก็เพิ่มขึ้นทุกวินาที 99% ของคนเพียง 1% ของความมั่งคั่งทั่วโลกจะเหลืออยู่ในระดับล่างสุดของการสร้างรายได้ ครึ่งหนึ่งมีรายได้เพียง 5.50 ดอลลาร์ต่อวัน สถานการณ์นี้ทำให้ความมั่งคั่งทั่วโลกถูกตัดขาดจากผู้คนโดยสิ้นเชิง ผู้คนเริ่มถูกทอดทิ้ง ในขณะที่ความมั่งคั่งไม่เพียงแต่ทะยานขึ้นไปสูงเสียดฟ้า แต่ยังเคลื่อนตัวออกห่างจากผู้คนด้วยความเร็ว วันนี้มีอะไรที่แตกต่างออกไปบ้างไหม? ไม่ใช่ภายในระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน การตัดการเชื่อมต่อระหว่างผู้คนและความมั่งคั่งจะยังคงเติบโตต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดลง แต่เราไม่ได้พูดถึงปัญหานี้เหมือนกับที่เราพูดถึงปัญหาโลกร้อน เราไม่มีทางอื่น นอกจากยอมรับว่ามันเป็นผลมาจากการออกแบบเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ผิดพลาด เราจำเป็นต้องออกแบบกลไกทางเศรษฐกิจใหม่ที่จะนำความมั่งคั่งมาสู่ผู้คนไม่ใช่ผลักดันมันออกไปจากผู้คนเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน กลไกใหม่จะต้องออกแบบมาเพื่อนำผู้คนและความมั่งคั่งมารวมกัน และทำให้พวกเขาอยู่ด้วยกันได้ภายใต้ทุกสถานการณ์
เพื่อที่จะชะลอกระบวนการของความมั่งคั่งที่เคลื่อนย้ายผู้คนออกไป เราต้องให้ความสำคัญกับยานพาหนะที่นำมันออกไป ระบบการเงินเป็นยานพาหนะที่ทวีคูณความมั่งคั่งขึ้นสู่ด้านบนสุด เราต้องมีการออกแบบใหม่อย่างรุนแรง
ระบบการเงินทั้งหมดสร้างขึ้นจากหลักการที่ว่า “ยิ่งมีมากยิ่งได้มาก” หากคุณมาจากครอบครัวที่มีเงินตั้งแต่ 5: 50 ดอลล่าต่อวัน ประตูมันปิดให้คุณ เศรษฐศาสตร์ใหม่จะต้องสร้างขึ้นด้วยหลักการย้อนกลับ หากคุณมาจากครอบครัวชนชั้นล่าง คุณจะได้รับความสนใจสูงสุด ความมุ่งมั่นของระบบการเงินใหม่คือ การเปลี่ยนคนหนุ่มสาวให้เป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ เราต้องทำให้ได้เพื่อที่จะไม่มีใครในสังคมพูดได้ว่า ฉันไม่สามารถเป็นผู้ประกอบการได้เพราะฉันไม่มีเงิน
นับเป็นภาคส่วนที่ ธุรกิจเพื่อสังคมต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญ ไม่เพียงแต่เศรษฐศาสตร์ใหม่จะต้องมีสถาบันการเงิน เพื่อให้บริการกลุ่มคนชนชั้นล่างเท่านั้น แต่ยังต้องมีสถานะทางภูมิศาสตร์หรือการแสดงตนเสมือนด้วย
ข้อควรระวังประการหนึ่งที่ควรเพิ่มเติม: เราต้องหลีกเลี่ยงการสร้างผลกำไรสูงสุดให้กับสถาบันการเงินเพื่อให้บริการประชาชนที่ฐานล่างสุด เนื่องจากมันมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นสถาบันการเงินที่ให้เงินกู้ ในไม่ช้าพวกเขาจะพบว่า ที่นี่เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์สำหรับการเก็งกำไรด้วยวิธีการต่างๆ พื้นที่สำหรับสถาบันการเงินเช่นนี้ จึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันการเงินธุรกิจเพื่อสังคม วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหานี้ คือการสร้างกฎหมายแยกต่างหากสำหรับการสร้างธนาคารของผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม และสถาบันการเงินธุรกิจเพื่อสังคมอื่น ๆ ควรมีกองทุนร่วมทุนของธุรกิจเพื่อสังคมกองทุน เพื่อการลงทุนในธุรกิจเพื่อสังคม เป็นต้น การสร้างกองทุนร่วมของธุรกิจเพื่อสังคม มีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดหาเงินทุนให้กับคนหนุ่มสาวทุกคน เพื่อให้พวกเขาสามารถเริ่มต้นชีวิตของพวกเขาในฐานะผู้ประกอบการได้ ไม่ใช่ในฐานะผู้หางาน
นอกจาก ภาวะโลกร้อนและระยะห่างที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างความมั่งคั่งกับผู้คน ที่ได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของผู้คนบนโลกใบนี้ ก็ยังมีภัยคุกคามอีกประการหนึ่งที่เกิดขึ้น มาจากด้านเทคโนโลยีจากปัญญาประดิษฐ์ จากการค้นหาอย่างเข้มข้นเพื่อเพิ่มผลกำไรธุรกิจต่างๆ ค้นพบว่า พวกเขาสามารถเพิ่มผลกำไรได้อย่างรวดเร็ว โดยการแทนที่มนุษย์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ในทุกสาขาอาชีพ นี่คือชัยชนะสูงสุดของเจ้าของความมั่งคั่งเมื่อพวกเขาจะเป็นเจ้าของความมั่งคั่ง 100% โดยจะนำผู้มีรายได้อื่น ๆ ทั้งหมดออกจากระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ตรรกะของการเพิ่มผลกำไรสูงสุดไม่สามารถหยุดอยู่ที่การเป็นเจ้าของ 99% ของความมั่งคั่งทั่วโลก แต่ต้องไปถึง 100%
ในด้านเทคโนโลยี เราต้องทำให้แน่ใจว่าเราจะหยุดปัญญาประดิษฐ์ไม่ให้เข้ามาแทนที่มนุษย์ในการทำงานได้ ปัญญาประดิษฐ์อาจเป็นพรอันยิ่งใหญ่ในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ภารกิจในการแทนที่มนุษย์ในหน้าที่การงานถือเป็นคำสาปสำหรับมนุษย์ทุกคน
พวกกลุ่มคนวัยรุ่นจะเข้าใจสถานการณ์ได้ดีกว่าเรามาก พวกเขาเดินขบวนบนท้องถนนทุกวันศุกร์โดยเรียกตัวเองว่า “Fridays For Future” พวกเขากล่าวหาพ่อแม่และผู้สูงอายุคนอื่น ๆ อย่างกล้าหาญ ว่าผู้สูงอายุขาดความรับผิดชอบ เห็นแก่ตัว และขโมยอนาคตไปจากวัยรุ่น วัยรุ่นรับรู้ถึงภัยคุกคามและพูดถึงเรื่องนี้ พวกเขาไม่รอให้รัฐบาลหรือโรงเรียนมาบอกว่า จะทำอย่างไรกับภาวะโลกร้อน ถึงเวลาแล้วที่คนรุ่นเก่าจะต้องตอบสนองต่อพวกเขาโดยตระหนักถึงความเร่งด่วนและส่งเสริมกิจกรรมทั้งหมดให้อยู่ในการแจ้งเตือนสำคัญเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย
วัยรุ่นทำถูกแล้ว
ศ. ยูนุส ชื่นชมการรับรู้ของวัยรุ่น ในขณะที่คนรุ่นเก่ากำลังหายใจไม่ออกหลังจากประสบความสำเร็จในข้อตกลงปารีส ข้อตกลงปารีสถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เป้าหมายที่ตั้งไว้ คือการพัฒนาที่สำคัญในการกำหนดนโยบายและกรอบในการดำเนินงาน การดำเนินการของรัฐบาลมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้กระตุ้นให้ประชาชนดำเนินการ คนเป็นศูนย์กลางของการสร้างปัญหาในบทบาทต่างๆ
ผู้คนต้องกล้าที่จะเผชิญกับปัญหา และไม่สามารถไปปาร์ตี้ต่อได้ ในไม่ช้าเราจะต้องทำข้อตกลง เพื่อจัดการกับหัวใจหลักของปัญหา
คนหนุ่มสาวในวันนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ศ.ยูนุส คนหนุ่มสาวรุ่นปัจจุบันเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีอำนาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ไม่ใช่เพราะพวกเขาฉลาดกว่า แต่เป็นเพราะพวกเขาเริ่มต้นชีวิตด้วยเทคโนโลยีที่อยู่ในมือ แม้จะอยู่ในมือของเด็กผู้หญิงในชนบทที่ยากจนก็ตาม เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่สามารถใช้ได้กับประเทศที่ร่ำรวยที่สุด หรือโชคดีที่สุดในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา วันนี้เยาวชนแต่ละคนมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลก เยาวชนแต่ละคนมีศักยภาพของความเป็นอะลาดิน ทั้งเขาหรือเธอ สามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นได้
ระบบการศึกษาใหม่ ต้องทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาแตกต่างจากรุ่นก่อน ๆ มันไม่เพียงแต่ทำให้คนรุ่นนี้ตระหนักถึงพลังอันมหาศาลของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังสอนให้พวกเขาใช้พลังอย่างเต็มที่อีกด้วย ระบบการศึกษาจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า เยาวชนจะไม่ใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง เพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่ถูกต้อง
จินตนาการคือพลัง
ระบบการศึกษาใหม่ควรนำจินตนาการมาเป็นศูนย์กลางของการศึกษา ส่งเสริมให้เยาวชนจินตนาการอย่างไร้ขอบเขต เป็นจินตนาการที่แตกต่างจากจินตนาการที่พาผู้คนออกไปจากความเป็นจริง เป็นจินตนาการที่จะสร้างความจริงใหม่ นักเรียนควรได้รับแรงหนุนจากการค้นหา “ทำไมไม่” อย่างต่อเนื่อง พวกเขาต้องเชื่อว่า หากจินตนาการแล้วสักวันมันจะเกิดขึ้น เพราะพวกเขามีอำนาจที่จะทำให้มันเกิดขึ้น. หากพวกเขาไม่คิด มันก็จะไม่เกิดขึ้น
นิยายเชิงวิทยาศาสตร์เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ให้พลังแก่นักประดิษฐ์และทฤษฎีที่ท้าทาย นักเรียนอาจได้รับการสนับสนุนให้สร้างสิ่งสมมติทางสังคม เพื่อคิดภาพและการกระทำที่เป็นรูปธรรม นิยายเชิงสังคมจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้สร้างและผู้ชมของพวกเขา ด้วยการถามคำถาม: ทำไมไม่?
คนหนุ่มสาวที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในไม่ช้ากำลังผ่านสถาบันการศึกษาในขณะนี้ สถาบันเหล่านี้จะกระตุ้นให้พวกเขาคิดถึงความคิดที่ชั่วร้าย และสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขา ลุกขึ้นยืนหยัดเพื่อสาเหตุที่พวกเขาเลือก ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่
ต้องมีการเตรียมระบบการศึกษาใหม่ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้มีสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด พร้อมที่จะสร้างโลกใหม่